กล้องอินฟราเรดและเครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับอุตสาหกรรมโซลาร์

1747750827258
บทบาทของการตรวจวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสด้วยรังสีอินฟราเรด (IR) ในอุตสาหกรรมโซลาร์

   การตรวจวัดอุณหภูมิด้วยรังสีอินฟราเรด (IR) มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมโซลาร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตแผงโซลาร์ การใช้งานหลักๆ ได้แก่ การทดสอบโซลาร์เซลล์ด้วยแสงแฟลช (solar cell flashers) และ การตรวจสอบอุณหภูมิโดยเทอร์โมกราฟฟีแบบคงที่ (steady state thermographic inspection) ของโมดูลโซลาร์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการรับรองความเชื่อถือได้และประสิทธิภาพของแผงโซลาร์

   การทดสอบโซลาร์เซลล์ด้วยแสงแฟลชใช้เทคโนโลยี IR ในการตรวจสอบการตอบสนองความร้อนของโซลาร์เซลล์ภายใต้แสงจำลอง กระบวนการนี้เรียกว่า illumination lock-in ซึ่งช่วยระบุปัญหาเกี่ยวกับอุณหภูมิที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของโซลาร์เซลล์ การวัดอุณหภูมิอย่างแม่นยำในขั้นตอนนี้ช่วยให้มั่นใจว่าโซลาร์เซลล์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมจริง

  ในการผลิตโมดูลโซลาร์ กล้อง IR และเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของ สายบัดกรี (solder strings) และชิ้นส่วนสำคัญอื่น ๆ การควบคุมอุณหภูมิให้แม่นยำในกระบวนการบัดกรีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อบกพร่องที่อาจส่งผลต่อความแข็งแรงและประสิทธิภาพของโมดูลโซลาร์

   การตรวจสอบอุณหภูมิแบบเทอร์โมกราฟฟีคงที่ยังช่วยรับรองคุณภาพของแผงโซลาร์โดยการตรวจหาจุดร้อนและความผิดปกติด้านความร้อนที่อาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพก่อนเวลา ด้วยการผสานการวัดอุณหภูมิด้วย IR ตลอดทั้งกระบวนการผลิตและทดสอบ ผู้ผลิตสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของแผงโซลาร์ ลดอัตราข้อบกพร่อง และรับประกันความเชื่อถือได้ในระยะยาวของระบบพลังงานแสงอาทิตย์

ความท้าทายของการตรวจวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสด้วยรังสีอินฟราเรด (IR) ในอุตสาหกรรมโซลาร์
1747750213612
1747750249866

การวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสด้วยรังสีอินฟราเรด (IR) ในอุตสาหกรรมโซลาร์เผชิญกับความท้าทายหลายประการที่อาจส่งผลต่อความแม่นยำและประสิทธิภาพในการควบคุมคุณภาพ ประเด็นสำคัญคือ ความแตกต่างของค่าสัมประสิทธิ์การแผ่รังสีความร้อน (emissivity) ในวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตโมดูลโซลาร์ ส่วนประกอบอย่างเช่นสายบัดกรีและชั้นวัสดุต่าง ๆ ภายในแผงโซลาร์มีค่าสัมประสิทธิ์การแผ่รังสีความร้อนแตกต่างกัน จึงต้องมีการปรับเทียบเซนเซอร์ IR อย่างแม่นยำ หากตั้งค่าสัมประสิทธิ์การแผ่รังสีความร้อนไม่ถูกต้องอาจทำให้การอ่านค่าอุณหภูมิคลาดเคลื่อน และกระทบต่อประสิทธิภาพรวมถึงความน่าเชื่อถือของแผงโซลาร์ได้

ความชันของอุณหภูมิ (thermal gradients) ภายในโมดูลโซลาร์ก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่ง ในการตรวจสอบด้วยเทอร์โมกราฟฟีแบบคงที่ ความแม่นยำในการวัดอุณหภูมิที่สม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญต่อการตรวจหาจุดร้อนและความผิดปกติด้านความร้อน ความแตกต่างของอุณหภูมิจากความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอระหว่างกระบวนการผลิตอาจทำให้เซนเซอร์ IR มาตรฐานตรวจจับได้ยาก ส่งผลให้ควบคุมคุณภาพตลอดทั้งโมดูลได้ยากขึ้น

อีกหนึ่งปัญหาคือ การรบกวนจากความร้อนรอบข้าง (ambient heat interference) ในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การทดสอบโซลาร์เซลล์ด้วยแสงแฟลช (illumination lock-in) ความร้อนจากอุปกรณ์โดยรอบและสิ่งแวดล้อมอาจทำให้ค่าการวัด IR เพี้ยนได้ การออกแบบระบบป้องกันการรบกวนและการวางตำแหน่งเซนเซอร์ IR อย่างมีกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้ข้อมูลอุณหภูมิที่แม่นยำและเชื่อถือได้

ประโยชน์ของการตรวจวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสด้วยรังสีอินฟราเรด (IR) ในการผลิตโมดูลโซลาร์

   แม้จะมีความท้าทายหลายประการ แต่การตรวจวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสด้วยรังสีอินฟราเรด (IR) ก็มีประโยชน์อย่างมากในการยกระดับคุณภาพของอุตสาหกรรมโซลาร์ หนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญคือ การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ ในกระบวนการผลิตโมดูลโซลาร์ ด้วยการใช้กล้อง IR และไพโรมิเตอร์ ผู้ผลิตสามารถติดตามและจัดการอุณหภูมิในขั้นตอนสำคัญได้อย่างใกล้ชิด เช่น การบัดกรีสายเชื่อม (solder strings) ซึ่งความแม่นยำในขั้นตอนนี้ช่วยป้องกันข้อบกพร่องและรับประกันความแข็งแรงและประสิทธิภาพของแผงโซลาร์

   การตรวจสอบด้วยเทอร์โมกราฟฟีแบบคงที่ (steady-state thermographic inspection) เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ กล้อง IR สามารถถ่ายภาพความร้อนของโมดูลโซลาร์แบบละเอียด เพื่อระบุจุดร้อนและความผิดปกติด้านความร้อนที่อาจนำไปสู่ความเสียหายก่อนเวลาอันควร การตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยเพิ่มคุณภาพโดยรวมของแผงโซลาร์ และรับประกันความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในระยะยาว

   สำหรับการทดสอบโซลาร์เซลล์ด้วยแสงแฟลช (solar cell flashers) การใช้เทคนิค illumination lock-in ร่วมกับการวัด IR ช่วยให้สามารถทดสอบโซลาร์เซลล์ภายใต้สภาพแสงจำลองได้อย่างแม่นยำ ทำให้มั่นใจได้ว่าเซลล์ผ่านการตรวจสอบประสิทธิภาพความร้อนและตรงตามมาตรฐานก่อนนำไปประกอบเป็นโมดูล การใช้เทคโนโลยี IR ในการควบคุมคุณภาพเช่นนี้ นำไปสู่แผงโซลาร์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่เชื่อถือได้มากกว่าเดิม

การใช้งานและการเพิ่มประสิทธิภาพ
1747750273665
ขนาดลงไลน์เเนวนอน (1)

การผสานเทคโนโลยีการวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสด้วยรังสีอินฟราเรด (IR) เข้ากับอุตสาหกรรมโซลาร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมากในหลายขั้นตอนการผลิต ในกระบวนการผลิตโมดูลโซลาร์ การติดตามและควบคุมอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ช่วยให้กระบวนการผลิตมีความราบรื่น ลดการสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม การจัดการอุณหภูมิอย่างแม่นยำในขั้นตอนการบัดกรีช่วยให้สินค้ามีความสม่ำเสมอ และลดความเสี่ยงในการเกิดข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์

สำหรับการตรวจสอบด้วยเทอร์โมกราฟฟีแบบคงที่ กล้อง IR สามารถแสดงรายละเอียดโปรไฟล์อุณหภูมิของโมดูลโซลาร์ได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ผลิตสามารถระบุและแก้ไขปัญหาก่อนที่จะกระทบต่อสมรรถนะของผลิตภัณฑ์ วิธีการควบคุมคุณภาพเชิงรุกนี้ช่วยลดเวลาหยุดการผลิต ลดงานแก้ไข และนำไปสู่การประหยัดต้นทุน พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้น

โดยรวมแล้ว การวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสด้วยรังสีอินฟราเรดมีบทบาทสำคัญต่อ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการยกระดับคุณภาพ ในการผลิตแผงโซลาร์ ด้วยการให้ข้อมูลอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ที่แม่นยำ เทคโนโลยี IR ช่วยปรับปรุงกระบวนการผลิต รับรองคุณภาพของสินค้า และสนับสนุนการพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น

การใช้งานในอุตสาหกรรมโซลาร์

🔺การทดสอบโซลาร์เซลล์ด้วยแฟลช (Solar Cell Flash Testing) – ใช้ไพโรมิเตอร์อินฟราเรดความไวสูงของ Optris เพื่อลดความไม่แน่นอนด้านสมรรถนะในการทดสอบแฟลชของโซลาร์เซลล์

🔺การบัดกรีและการเชื่อมแท็บ (Soldering & Tabbing) – ตรวจหาการบัดกรีที่ไม่ถูกต้องในโมดูลโซลาร์ด้วยการระบุ ฮอตสปอต (Hotspot)

🔺การทดสอบคุณภาพโมดูลโซลาร์ (Solar Module Quality Testing) – ตรวจสอบด้วยเทอร์โมกราฟฟีเพื่อตรวจหาการลัดวงจรภายใน การหลุดลามิเนต (Delamination) ความไม่ตรงกันของเซลล์ (Cell Mismatch) รอยแตก และไดโอดบายพาสที่ชำรุดในโซลาร์เซลล์

สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : คุณวศิกา โทร. 094-462-6616 และ 092-249-8787
Line ID: @entechsi

Social Share