เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนแบบเซอร์โคเนียทำงานอย่างไรในการวัดประสิทธิภาพการเผาไหม้

• ควบคุมสัดส่วนอากาศต่อเชื้อเพลิง (Air-to-Fuel Ratio) การเผาไหม้ที่มีออกซิเจนมากเกินไป (excess air) จะทำให้สูญเสียพลังงาน การเผาไหม้ที่มีออกซิเจนน้อยเกินไป (fuel-rich) จะทำให้เกิดเขม่า CO และเกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ การวัดค่า O₂ แบบ Real-time จึงช่วยให้ปรับอากาศให้ “พอดี” ส่งผลให้ประหยัดพลังงาน และได้ความร้อนสูงสุด
• ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ หากเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ จะเกิดการปล่อยก๊าซพิษ เช่น CO, Hydrocarbons (C_xH_y), NOx ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม การควบคุมออกซิเจนในระดับเหมาะสมจะช่วยให้กระบวนการเผาไหม้สมบูรณ์ ลดการเกิดมลพิษ และเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายสิ่งแวดล้อม

• ลดต้นทุนการผลิต เพียงแค่ลดปริมาณอากาศส่วนเกินที่มากเกินไป 5–10% ก็สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงได้หลายเปอร์เซ็นต์ การเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว มี ROI ชัดเจนจากการติดตั้งเซ็นเซอร์วัด O₂ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

• เพิ่มความปลอดภัยในระบบ ในบางกระบวนการ เช่น เตาเผาขยะ หรือหม้อไอน้ำแรงดันสูง การมีออกซิเจนที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่การระเบิด หรือการสะสมของก๊าซพิษ การตรวจวัดค่าออกซิเจนอย่างต่อเนื่องช่วยป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้

• เพิ่มประสิทธิภาพของระบบ การวัด O₂ ช่วยให้ระบบควบคุมอัตโนมัติ (เช่น PLC หรือ SCADA) ปรับการจ่ายอากาศ/เชื้อเพลิงได้อย่างเหมาะสม ช่วยยืดอายุอุปกรณ์ เช่น หัวเผา ปล่องไอเสีย และตัวกรอง เป็นต้น

     การเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูงไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOₓ) และฝุ่นละออง ปัจจัยสำคัญในการควบคุมกระบวนการเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพคือการวัดปริมาณออกซิเจน (O₂) ที่เหลืออยู่ในไอเสีย ซึ่งสามารถสะท้อนถึงสัดส่วนของอากาศต่อเชื้อเพลิง (Air-to-Fuel Ratio) ได้อย่างแม่นยำ