ออกแบบเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืน: การวางแผนและออกแบบพื้นที่เมืองเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย LSI LASTEM

Anyconv.com Monitoraggio Smart Cities Interna Eng

   ในปัจจุบัน เมืองทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นความร้อนที่ทวีความรุนแรง การเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว และมลภาวะทางอากาศ ความต้องการในการฟื้นฟู ออกแบบใหม่ และพัฒนาเมืองให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญยิ่ง

   แนวทางการออกแบบเชิงกลยุทธ์นั้นต้องอาศัยการประเมินข้อมูลจากโมเดลจำลอง การใช้ข้อมูลสภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง และการตรวจสอบภาคสนามทั้งก่อนและหลังการดำเนินการ หนึ่งในเครื่องมือสำคัญคืออุปกรณ์ตรวจวัดจาก LSI LASTEM ซึ่งสามารถวัดผลลัพธ์ของมาตรการต่าง ๆ ที่นำมาใช้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง โดยมีแนวทางการประยุกต์ใช้ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้:

 1.การลดความร้อนสะสมในอาคาร

โดยการปรับปรุงผนังและหลังคาของอาคาร เช่น ใช้โครงสร้างพืชพรรณ (Green facades & roofs) จะช่วยให้:

  • ลดอุณหภูมิภายในอาคาร เพิ่มความสบายทางความร้อน และลดการพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ
  • เพิ่มฉนวนกันความร้อน ลดการถ่ายเทความร้อนเข้า-ออกอาคารในฤดูร้อนและฤดูหนาว
  • ลดการแผ่รังสีความร้อนกลับสู่ชั้นบรรยากาศ ช่วยลดปรากฏการณ์เกาะความร้อนเมือง (Urban Heat Island)
  • เพิ่มการดูดซับน้ำฝน ลดความเสี่ยงของน้ำท่วม และดูดซับ CO₂ ผ่านการสังเคราะห์แสงของพืช
  • ลดเสียงรบกวน เพิ่มความเงียบสงบภายในอาคาร และส่งเสริมความสวยงามของสิ่งแวดล้อมเมือง
รูปภาพ1
รูปภาพ5

2.การใช้วัสดุสะท้อนความร้อนบนผิวอาคาร

เช่น การใช้สีสะท้อนความร้อน ฟิล์มกรองแสง หรือหลังคาสะท้อนแสงแดด (Reflective materials) ซึ่งให้ประโยชน์ดังนี้:

  • เพิ่มการระบายความร้อนแบบพาสซีฟ ลดอุณหภูมิพื้นผิวอาคารและอุณหภูมิภายใน
  • ส่งเสริมประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศ โดยรับอากาศที่ไม่ร้อนจัดเกินไป
  • หากมีแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา อุณหภูมิที่ลดลงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแผง
  • ฟิล์มที่ติดกระจกช่วยลดการรับรังสีโดยตรง เพิ่มความสบายทางความร้อน

3.ระบบผนังระบายอากาศ (Ventilated Facades)

ระบบนี้อาศัยช่องว่างระหว่างผนังและวัสดุหุ้มผนังในการถ่ายเทอากาศแบบธรรมชาติ ซึ่งให้ข้อดีทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว เช่น:

  • ลดอุณหภูมิผนังภายในจากผลของ chimney effect ในฤดูร้อน
  • ลดการเกิดปัญหาความชื้นและการควบแน่นในฤดูหนาว
  • ช่วยป้องกันเสียงรบกวนและปกป้องโครงสร้างจากสภาพอากาศภายนอก
รูปภาพ6
รูปภาพ8

4.การวางผังเมืองและองค์ประกอบของพื้นที่เมือง

การวางแผนเมืองควรคำนึงถึงการเพิ่มความยืดหยุ่นต่อภูมิอากาศ เช่น:

  • รูปแบบอาคาร ทิศทางถนน วัสดุที่ใช้ พื้นที่สีเขียว และพื้นที่ร่มเงา
  • ลดการสะสมความร้อน เพิ่มความสบายกลางแจ้ง
  • ดูดซับน้ำฝนเพื่อใช้ประโยชน์ และลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม
  • ส่งเสริมการไหลเวียนของอากาศ เพื่อลดมลพิษทางอากาศและปฏิกิริยาเคมีอันตราย

5.การดูแลสุขภาพประชาชนจากภาวะความร้อน

ในช่วงที่เกิดคลื่นความร้อนรุนแรง ควรมีมาตรการป้องกันสุขภาพ โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยงและแรงงานกลางแจ้ง เช่น:

  • ใช้ดัชนีความร้อนในการประเมินความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงอุณหภูมิ แสงแดด ความชื้น และความเร็วลม ร่วมกับกิจกรรมของบุคคล
  • แจ้งเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรรมกลางแจ้งในช่วงเวลาร้อนจัด
  • แนะนำให้นายจ้างปรับเวลาทำงานของพนักงานกลางแจ้ง
  • ประเมินผลการดำเนินงานหลังจากมีมาตรการลดความร้อน
  • เก็บข้อมูลเพื่อใช้เปรียบเทียบในเชิงสถิติและประวัติศาสตร์
รูปภาพ9
รูปภาพ10

6.การปรับปรุงคุณภาพภายในอาคารและการประหยัดพลังงาน

อาคารที่มีประสิทธิภาพควรสามารถรักษาความสบายในการอยู่อาศัย พร้อมลดการใช้พลังงาน โดยเน้นการออกแบบที่ครอบคลุม:

  • อุณหภูมิที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมของผู้ใช้อาคาร
  • ระบบระบายอากาศที่ดี พร้อมกรองอากาศเพื่อลดการแพร่กระจายของฝุ่นหรือเชื้อโรค
  • ความสบายทางแสงและเสียง ทั้งจากภายนอกและจากระบบเทคนิคภายในอาคาร

ออกแบบเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืน: การวางแผนเมืองและอาคารเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมระบบตรวจวัดจาก LSI LASTEM

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมือง ความสามารถในการปรับตัวและรับมือกับสภาวะอากาศที่รุนแรง เช่น คลื่นความร้อน น้ำท่วม มลภาวะ และความร้อนสะสมในเมือง (Urban Heat Island) จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบและวางผังเมืองยุคใหม่

LSI LASTEM ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบตรวจวัดสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศระดับสากล ได้พัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ “Smart & Resilient Cities” ด้วยชุดเครื่องมือวัดคุณภาพสูง ที่สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ทั้งในระดับ “ภายนอกอาคาร” (Outdoor) และ “ภายในอาคาร” (Indoor) เพื่อสนับสนุนการออกแบบที่อิงข้อมูลจริง และประเมินประสิทธิภาพของมาตรการต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

LSI LASTEM: เครื่องมือวัดสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมเพื่อการออกแบบเมืองยั่งยืน

เครื่องมือเด่นที่นำมาใช้ในโครงการด้านเมืองอัจฉริยะและการฟื้นฟูเมือง เช่น:

เครื่องวัดสภาพอากาศกลางแจ้ง

เหมาะสำหรับติดตั้งในเขตเมือง พื้นที่สีเขียว บริเวณหลังคาอาคาร หรือพื้นที่ทดลอง (urban labs) เช่น:

  • Datalogger E-Log และ M-Log: เครื่องบันทึกข้อมูลจากเซ็นเซอร์หลายชนิด พร้อมการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
  • เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศ, ความชื้น, ความเร็วลม, การแผ่รังสีแสงอาทิตย์, ความร้อนจากพื้นผิว
  • Heat Stress Station: สำหรับประเมินภาวะความเครียดจากความร้อน (Heat Stress Index) เหมาะกับการวางแผนความปลอดภัยของประชาชนและแรงงาน

เครื่องวัดสภาวะภายในอาคาร (Indoor Comfort & Air Quality Monitoring)

  • Indoor Comfort Analyzer (model: HD32.3T): สำหรับวิเคราะห์ความสบายทางความร้อน (Thermal Comfort) ตามเกณฑ์มาตรฐาน ISO 7730
  • CO₂, VOC, Particulate Matter Sensors: สำหรับติดตามคุณภาพอากาศภายในอาคารสำนักงาน โรงเรียน โรงพยาบาล และที่อยู่อาศัย
  • DataView Software: โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล และสร้างรายงานเพื่อเปรียบเทียบก่อน-หลังการปรับปรุงโครงการ

สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อ: คุณปทิตตา โทร. 088-924-9644 หรือ 092-258-1144 หรือ Line ID: @entechsi

Social Share