มลพิษทางอากาศ ถือเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งมลพิษจากฝุ่นและก๊าซ โดยมีสาเหตุมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชุมชนเมือง ส่งผลให้เกิดการจราจรที่หนาแน่น การเติบโตของภาคอุตสาหกรรม การเกิดไฟป่า การเผาพื้นที่การเกษตร รวมถึงการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นต้น ทำให้ค่ามลพิษในประเทศไทยสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ ดังนั้น การปรับปรุงคุณภาพอากาศแวดล้อมจึงมีความท้าทาย และเป็นหัวใจสำคัญสำหรับรัฐบาลและผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากคุณภาพอากาศส่งผลทั้งต่อสุขภาพของผู้คน และสภาพแวดล้อม จึงถือเป็นความท้าทายค่อนข้างมาก เนื่องจากประชากรทั่วโลกหลายล้านคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะมลพิษทางอากาศกลางแจ้ง จากสถิติในปี 2021 ประชากรกว่า 91 % อาศัยอยู่ในสถานที่ที่ไม่ตรงตามมาตรฐานคุณภาพอากาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) แต่การหาแนวทางการแก้ปัญหานี้ก็ค่อนข้างมีความซับซ้อนมาก เนื่องจากแหล่งที่มาของมลพิษ รวมถึงผลกระทบมีความเฉพาะของแต่ละพื้นที่ และมีความหลากหลายมาก
การเฝ้าระวัง และการควบคุมคุณภาพอากาศแวดล้อมไม่ใช่เรื่องใหม่
ในประเทศไทยเรา ได้มีการประกาศใช้ข้อกำหนดการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่นานมานี้กรมควบคุมมลพิษซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และเฝ้าระวังคุณภาพอากาศแวดล้อม ได้ประกาศใช้ข้อกำหนดด้านดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทย พ.ศ. 2566 เพื่อเป็นแนวทางในการบ่งชี้และเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ การประกาศใช้ข้อกำหนดนี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดความตระหนักถึงอันตรายของมลพิษทางอากาศ ที่มีผลต่อทั้งประชาชนทั่วไป และประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ สำหรับการรายงานสถานการณ์ของมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นตัวแทนความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซโอโซน (O3) ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) แบ่งช่วงค่าดัชนีของคุณภาพอากาศออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
ความเข้มข้นของสารมลพิษ | |||||||
ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ | ความหมาย (ระดับคุณภาพอากาศ) | PM2.5 (µg/m3) | PM10 (µg/m3) | CO (ppm) | O3 (ppb) | NO2 (ppb) | SO2 (ppb) |
ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง | ค่าเฉลี่ย 8 ชั่วโมง | ค่าเฉลี่ย 1 ชั่วโมง | |||||
0 – 25 | ดีมาก | 0 – 15.0 | 0 – 50 | 0 – 4.4 | 0 – 35 | 0 – 60 | 0 – 100 |
26 – 50 | ดี | 15.1 – 25.0 | 51 – 80 | 4.5 – 6.4 | 36 – 50 | 61 – 106 | 101 – 200 |
51 – 100 | ปานกลาง | 25.1 – 37.5 | 81 – 120 | 6.5 – 9.0 | 51 – 70 | 107 – 170 | 201 – 300 |
101 – 200 | เริ่มมีผลต่อสุขภาพ | 37.6 – 75.0 | 121 – 180 | 9.1 – 30.0 | 71 – 120 | 171 – 340 | 301 – 400 |
201 ขึ้นไป | มีผลต่อสุขภาพ | 75.1 ขึ้นไป | 181 ขึ้นไป | 30.1 ขึ้นไป | 121 ขึ้นไป | 341 ขึ้นไป | 401 ขึ้นไป |
(อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ, 2566)
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
การตัดสินใจในการวางแผนพัฒนาชุมชนเมืองที่รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายเป็นผู้ริเริ่ม ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อสู้กับมลพิษทางอากาศ เนื่องจากการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพอากาศแวดล้อมต้องสอดคล้องกับนโยบายต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การเดินทาง โครงสร้างพื้นฐานในเมือง รวมถึงระบบนิเวศ การปรับปรุงคุณภาพอากาศไม่เพียงแต่จำกัดอยู่แค่นโยบายจากภาครัฐเท่านั้น แต่ความร่วมมือจากภาคเอกชน และกิจกรรมทั่วไปของประชาชนยังมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้วยเช่นกัน
ในประเทศไทย ได้มีการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยการวางแผนให้สอดคล้องกับแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ เช่น มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ กำหนดมาตรการควบคุมปริมาณการจราจรและยานพาหนะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น ควบคุมฝุ่นจากการก่อสร้าง การผลักดันการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ในส่วนภาคเกษตรกรรม การส่งเสริมการปลูกพืชยืนต้นทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่มีการเผา มีการป้องกันไฟป่าและจัดการไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับภาคอุตสาหกรรม มีการกำหนดมาตรฐานอากาศเสียตามศักยภาพการรองรับมลพิษในแต่ละพื้นที่ และให้มีการติดตั้งระบบ CEMs ในโรงงานที่กำหนด ส่วนภาคครัวเรือน มีการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด นอกจากนี้ยังมีการประกาศขอความร่วมมือ Work from Home ในหลายพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเป็นสีแดง เป็นต้น
(อ้างอิง: สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, 2565)
การติดตามคุณภาพอากาศแวดล้อมเพื่อการแก้ไขปัญหา
มลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่มีความหลากหลายและซับซ้อน ซึ่งการทำความเข้าใจกับมลพิษทางอากาศต้องอาศัยทั้งการระบุแหล่งที่มาที่แตกต่างกันของมลพิษอากาศแวดล้อม รวมถึงระดับความเข้มข้นของมลพิษเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจได้ว่าแต่ละพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างไร สามารถนำข้อมูลไปต่อยอดเพื่อทำเป็นแผนที่มลพิษทางอากาศในเมืองได้ ความเข้าใจต่อสถานการณ์สภาพอากาศพื้นฐานนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรัฐบาลหรือผู้กำหนดนโยบายในการเข้าใจปัญหาที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ และนำไปสู่การวางแผนพัฒนาเมืองได้ จึงมีการติดตั้งสถานีสำหรับตรวจวัดคุณภาพอากาศขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างเพราะเป็นสถานีขนาดใหญ่ มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้มีจำนวนสถานีน้อย ซึ่งส่งผลต่อความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลได้
เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศสามารถช่วยให้เก็บรวบรวมและประมวลผลได้ง่ายขึ้น
เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศจากแบรนด์ Ecomesure ได้พัฒนาโซลูชั่นสำหรับการตรวจวัดคุณภาพอากาศให้มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น ด้วยตัวเครื่องที่มีความกะทัดรัด สามารถเสริมการทำงานของเครื่องมือที่มีอยู่เดิม ทำให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลคุณภาพอากาศกลางแจ้งได้มากขึ้น และได้ข้อมูลมลพิษในเมืองแบบรียลไทม์ ข้อมูลคุณภาพอากาศนี้สามารถนำไปวิเคราะห์ร่วมเข้ากับข้อมูลการจราจรหรืออื่น ๆ ได้ เพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหามลพิษมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของเมืองได้ เนื่องจากเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศของ Ecomesure สามารถติดตั้งเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของเมือง หรือยานพาหนะได้ เช่น รถตำรวจ รถดับเพลิง หรือรถโดยสารสาธารณะ เป็นต้น ด้วยเซ็นเซอร์เคลื่อนที่ที่สามารถติดตั้งบนยานพาหนะที่ขับไปตามเมือง ทำให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างทั่วถึง
การใช้ข้อมูลเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง
การตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ Ecomesure ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ของท้องถิ่น หรือเมืองนั้น ๆ การเข้าใจและเห็นภาพมลพิษของอากาศในชุมชน สามารถทำให้ผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายเสนอแนวทางอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาตามระดับความแออัดและมลพิษทางอากาศได้ นอกจากนี้ ข้อมูลคุณภาพอากาศกลางแจ้งยังสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนผู้อยู่อาศัย โดยการให้ข้อมูลที่โปร่งใสกับประชาชน เช่น ข้อมูลระดับมลพิษทั่วทั้งเมือง การกระจายตัวของมลพิษ หรือการเปรียบเทียบคุณภาพอากาศของเมืองกับเมืองอื่น ๆ เป็นต้น
หากกำลังมองหาการตรวจติดตามคุณภาพอากาศแวดล้อมภายในเมือง เครื่องตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศของ Ecomesure สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้
ศึกษาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่: https://entechsi.com/th/brand/ecomesure-th/
สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อ: คุณปทิตตา โทร. 088-924-9644 หรือ 092-258-1144 หรือ Line ID: @entechsi