CEMs : ความสำคัญของระบบวัดมลพิษทางอากาศ

CEMs (Continuous Emission Monitoring System) ระบบตรวจวัดมลพิษทางอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง

Weather

เปิดข้อมูล ปี 2564 คนกรุงเทพฯ ‘สูดฝุ่นพิษ PM2.5’ เท่ากับ ‘การสูบบุหรี่’ 1,261 มวน ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยคงคุ้นชินกับภาพควัน ฝุ่น PM2.5 ที่ลอยปกคลุมเหนือน่านฟ้าเมืองไทย จนอาจลืมคิดหรือตั้งคำถามว่า ‘ฝุ่นพิษ’ เหล่านี้ที่เราเผลอสูดลงปอดในทุกๆ วัน กำลังบั่นทอนปัญหาสุขภาพระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ แม้ในปี 2564 จะถูกพูดถึงน้อยลงเนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด แต่ถึงอย่างนั้นในปี 2564 กรุงเทพฯ ก็ยังติดอันดับที่ 11 ของโลกจากรายงานคุณภาพอากาศและจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลกของเว็บไซต์ IQAir

ปัญหา ‘PM2.5’ และ ‘กรุงเทพฯ’ ปี 2564
Rocket Media Lab เปิดเผยข้อมูลที่อ้างอิงมาจากสถิติบนเว็บไซต์ The World Air Quality Index Project และอ้างอิงค่าระดับคุณภาพอากาศของค่า PM2.5 จากข้อเสนอของกรีนพีซ พบว่าในปีที่ 2564 กรุงเทพฯ มีคุณภาพที่แยกเป็นจำนวนวันได้ ดังนี้
คุณภาพดี (ค่าฝุ่น 0-50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)) 90 วัน
คุณภาพปานกลาง (ค่าฝุ่น 51-100 มคก./ลบ.ม.) 202 วัน
มีผลต่อสุขภาพต่อกลุ่มคนที่มีสัมผัสไวต่อมลพิษ (ค่าฝุ่น 101-150 มคก./ลบ.ม.) 61 วัน
มีผลกระทบต่อสุขภาพ (ค่าฝุ่น 151-200 มคก./ลบ.ม.) 12 วัน
นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อจำแนกเป็น ‘รายเดือน’ ที่กรุงเทพฯ มีสภาพอากาศเลวร้ายเต็มไปด้วยฝุ่นพิษมากที่สุดในปี 2021 ยังคงเป็นเดือน ‘มกราคม’ เช่นเดียวกันกับในปี 2563 โดยวันที่มีค่าฝุ่นเป็นค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงสุดแห่งปี คือวันที่ 23 มกราคม 2564 อยู่ในระดับสีแดง สูงถึง 187 มคก./ลบ.ม. ในขณะที่ปี 2020 สูงสุดเพียง 181 มคก./ลบ.ม.
และตลอดทั้งเดือนมกราคม 2564 ไม่มีวันไหนที่อากาศอยู่ในเกณฑ์สีเขียวเลย ส่วนวันที่อากาศอยู่ในเกณฑ์สีเหลือง 11 วัน, วันที่อากาศอยู่ในเกณฑ์สีส้ม 13 วัน และวันที่ค่าอากาศแบบมาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ฝุ่น PM2.5 สูงกว่า 150 มคก./ลบ.ม. ในแถบสีแดง 7 วัน
https://thestandard.co/key-messages-bkk-and-pm2-5/

สำหรับการปล่อยมลพิษของโรงงานอุตสาหกรรมนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดให้โรงงานประเภทที่เข้าข่าย ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติ โดยค่าต่างๆ ที่ต้องวัดนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของโรงงาน เชื้อเพลิง และมลพิษที่เกิดขึ้นจากโรงงานนั้นๆ โดยแบ่งออกเป็น 13 กลุ่มตามหน่วยผลิตและขนาด และล่าสุดได้มีการยกเลิกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับเก่า และได้ออก “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๕”
http://cems.diw.go.th/cemsweb/law.html

เมื่อโรงงานอุตสาหกรรมทำการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติแล้ว ค่าการวัดที่ได้จะถูกเชื่อมต่อสัญญานเข้าสู่ระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษทางไกล (Pollution Online Monitoring System; POMS) ซึ่งในปัจจุบันสามารถเข้าดูข้อมูลมลพิษของโรงงานต่างๆ ทั้งส่วนของมลพิษจากปล่อง และมลพิษทางน้ำ ได้ทั้งผ่าน Website และทาง Mobile Application
https://poms.diw.go.th/

ตารางที่ 1-2 หน่วยวัดของค่าต่างๆ ของเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษที่ต้องตรวจวัด

ค่าต่างๆ ของเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษที่ต้องตรวจวัดหน่วยวัด
1. ความทึบแสง (Opacity)ร้อยละ (%) และมิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร(mg/m)
2. ฝุ่นละออง (Particulate)มิลลิกรัมต่อลูกบาศก็เมตร (mg/m’)
3. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur Dioxide : SO2)ส่วนในล้านส่วน (ppm)
4. ออกไซด์ของไนโตรเจน (Oxides of Nitrogen : NO2) วัดในรูปในโตรเจนไดออกไซด์ส่วนในล้านส่วน (ppm)
5. คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide : CO)ส่วนในล้านส่วน (ppm)
6. ก๊าชคาร์บอนมอนนอกไซด์ (Carbon Monoxide: CO)ร้อยละ โดยปริมาตร (9 by volume)
7. ออกซิเจน (Oxygen : O2)ส่วนในล้านส่วน (ppm)
8. ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H,S)ส่วนในล้านส่วน (ppm)
9. ปรอท (Hg)(H,S)มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m’)
10. ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HC)มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m)
11. อัตราการไหลภายในปล่อง (Flow Rate)ลูกบาศก็เมตรต่อชั่วโมง (m3/hr)
12. อุณหภูมิภายในปล่ององศาเซลเชียส (°C)
  
ที่มา : ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2565 (ใหม่)

การตรวจวัดมลพิษทางอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง (Continuous Emission Monitoring Systems)
หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า CEMS ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ที่เป็นที่นิยม คือ
1. ระบบดึงก๊าซไปวิเคราะห์ (Extractive System) จะทำการดึงตัวอย่างออกจากปล่องเพื่อทำการวิเคราะห์
2. ระบบวิเคราะห์ที่จุดเก็บตัวอย่าง (In-Situ System) จะทำการวิเคราะห์ตัวอย่างที่ปล่องโดยตรง

ตารางที่ 1-2 หน่วยวัดของค่าต่างๆ ของเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษที่ต้องตรวจวัด

ข้อเปรียบเทียบระบบดึงก๊าชไปวิเคราะห์
(Extractive System)
ระบบวิเคราะห์ที่จุดเก็บตัวอย่าง
(In-Situ System)
1. ความเข้มข้นความเข้มข้นเป็นจุดๆ ของความเข้มข้นเฉลี่ยความเข้มข้นเฉลี่ยแบบเส้นตรงหรือความเข้มข้นเป็นจุดจากความเข้มข้นเฉลี่ย
2. ส่วนวิเคราะห์ที่ใช้ร่วมกันได้สำหรับหลายปล่องสามารถใช้เครื่องวิเคราะห์ร่วมกันได้
มากกว่า 1 ปล่อง (Sharing)
ไม่สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ร่วมกันได้
3. ส่วนวิเคราะห์เครื่องมืออยู่ในห้องที่สามารถควบคุม อุณหภูมิและความชื้น ทำให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานนานเครื่องมืออยู่ในสภาพบรรยากาศทั่วไปซึ่งอาจจะเกิดการเสียหายได้ง่าย
4. การบำรุงรักษามีส่วนประกอบของระบบหลายส่วนทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงมีส่วนประกอบของระบบน้อยกว่า ทำให้การบำรุงรักษาได้ง่ายและค่าใช้จ่ายไม่สูง
5. การซ่อมแชมอุปกรณ์หากเกิดการเสียหาย ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ภายนอก เช่น ปั๊ม วาล์วทำให้ซ่อมแชมได้ง่ายหากเกิดการเสียหายของอุปกรณ์ จะซ่อมแซมค่อนข้างยากเนื่องจากอุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นอิเล็คโทรนิค และแหล่งกำเนิดแสงและติดตั้งภายในปล่อง
6. การปรับเทียบ(Calibration)ใช้ก๊าชมาตรฐานแบบแยกถังใช้ก๊าซภายในเซลของเครื่องมือ
7. ข้อจำกัดในการวิเคราะห์ก๊าชตัวอย่างจะต้องถูกปรับสภาพก่อนเข้าเครื่องวิเคราะห์ในการวิเคราะห์ก๊าชที่มีอุณหภูมิสูงระดับความเข้มข้นฝุ่นละอองสูงและอนุภาคเหนียว อาจมีผลต่อการบำรุงรักษาระบบ
8. การเปลี่ยนสภาพก๊าชตัวอย่างอาจจะเกิดได้ขณะดึงตัวอย่างไม่เปลี่ยนสภาพ
9. เวลาในการตอบสนองขึ้นอยู่กับความยาวของท่อส่งตัวอย่างขึ้นอยู่กับความไวในการตอบสนองของส่วนวิเคราะห์ไม่ใช่ส่วนเก็บตัวอย่าง
ที่มา : คู่มือผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษอากาศ

ระบบดึงก๊าซไปวิเคราะห์ (Extractive System) ระบบนี้เป็นเครื่องมือตรวจวัดประเภทแรกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นระบบที่ยังได้รับความนิยมสูงสุดจากโรงงานต่างๆ ในระบบนี้ก๊าซจากปล่องจะถูกดึงจากปล่องและส่งไปสู่เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อวัดความเข้มข้นของมลพิษ หลักการสำคัญของระบบนี้ คือ สภาพของก๊าซตัวอย่างก่อนถูกส่งเข้าเครื่องวิเคราะห์ เครื่องวิเคราะห์จะทำการวิเคราะห์ได้ถูกต้องแม่นยำเพียงใดขึ้นอยู่กับสภาพของก๊าซตัวอย่างที่ต้องไม่มีฝุ่นละอองรบกวนการวิเคราะห์ ความชื้นในก๊าซจะต้องถูกกำจัดออกและอุณหภูมิของก๊าซจะต้องลดลงให้เหมาะสมกับเครื่องมือวิเคราะห์ ดังนั้น ควรเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับการ Sampling ก๊าซตัวอย่างที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุดรวมทั้งควรเลือกใช้เครื่องวัดก๊าซ ฝุ่น และอัตราการไหลที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ โดยส่วนประกอบหลักของระบบ CEMs มีดังนี้

ระบบ CEMS ที่เลือกใช้อุปกรณ์คุณภาพสูง และมีการออกแบบระบบที่ดี จะช่วยให้ผู้ใช้งานไม่เจอกับปัญหาในการใช้งาน ได้ค่าการวัดที่เชื่อถือได้ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าซ่อมบำรุงและดูแลรักษา ปัจจุบันระบบ CEMS ยังมีความทันสมัย สามารถออกแบบเป็น Industrial IoT ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านทางคอมพิวเตอร์ มือถือ ฯลฯ สามารถวิเคราะห์ได้ง่ายเมื่อพบปัญหาในระบบ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าพนักงาน และค่าดูแลรักษาได้ ทางบริษัท เอ็นเทคฯ ให้บริการติดตั้งและดูแลรักษาระบบ CEMs แบบครบวงจร โดยการเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงจากประเทศเยอรมนีและ UK รวมถึงการออกแบบอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ใช้งานระบบ CEMs ที่ให้ค่าการวัดที่ถูกต้องแม่นยำ ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงยังให้บริการเข้าไปตรวจสอบ วิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงหรืออับเกรดระบบ CEMs เดิมของลูกค้า เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

Webinar – ร่างกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโมมัติอย่างต่อเนื่อง CEMs

Webinar – เทคนิคการเลือกอุปกรณ์ ส่วนประกอบระบบ CEMs และการแก้ไขปัญหาที่พบในระบบ CEMs

บริษัท เอ็นเทค เอสไอ จำกัด รับติดตั้งระบบ CEMs ระบบวัดมลพิษทางอากาศ บริการให้คำปรึกษาฟรี ให้บริการแบบ One Stop Service ตั้งแต่ออกแบบ ติดตั้งระบบ ทดสอบระบบ และดูแลหลังการขาย โดยทีมงานวิศวกรผู้ชำนาญ

คุณปทิตตา โทร. 088-924-9644 หรือ 092-258-1144
คุณพรเทพ (ฝ่ายขายภาคตะวันออก) โทร. 02 779 8855 ต่อ 163 มือถือ 092-282-3113