การจัดการการรั่วไหลของอากาศอัดด้วย VPInstruments

แม้ว่าอากาศอัดจะเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลกสำหรับการควบคุมเครื่องจักร กระบวนการผลิต และอุปกรณ์นิวเมติกส์ ด้วยการใช้งานที่มีความปลอดภัยและหาได้ง่าย สามารถเดินท่อและสายไปใช้งานได้ทุกพื้นที่ แต่ข้อเสียที่สำคัญคือ อากาศอัดเป็นพลังงานที่มีราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่ง โดยหลายบริษัทพยายามลดต้นทุนด้วยการตรวจจับและซ่อมแซมท่อที่มีการรั่วไหล วิธีดังกล่าวนี้ช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 10-20% และหากมีการติดตั้งระบบตรวจสอบและปรับแต่งเพิ่มเติม ก็สามารถประหยัดได้มากถึง 50%

ทาง VPInstruments ได้เล็งเห็นว่า อากาศอัดเป็นพลังงานที่มีราคาแพง เพราะขณะที่มีการอัดอากาศในบรรยากาศให้มีความดันที่ 90-100 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi) พลังงานไฟฟ้า 75% จะสูญเสียไปในรูปของความร้อน รอยรั่ว และสูญเสียแรงดัน รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพไฟฟ้าของระบบอากาศอัดทั้งหมดเหลือเพียง 7.5-15% เท่านั้น ซึ่งประสิทธิภาพนี้สามารถปรับปรุงได้ แต่หลายบริษัทกลับละเลยที่จะซ่อมแซมท่อที่รั่วและปรับปรุงระบบ ทำให้สูญเสียพลังงานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ทั่วโลกในทุกปี

เนื่องจากกระบวนการผลิตอากาศอัดนั้น 5% ของพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก (10% ในภาคอุตสาหกรรม)ถูกใช้ไปเพื่อการผลิตอากาศอัด ซึ่งการผลิตพลังงานจำนวนมหาศาลนี้ ก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ดังนั้น การลดการใช้อากาศอัดจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้บริษัทยังสามารถประหยัดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้อีกด้วยหากมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบอากาศอัด

การจัดการรอยรั่ว การแก้ไขปัญหารอยรั่วของอากาศอัดเป็นเรื่องสำคัญที่มักถูกมองข้ามไปแม้จะเป็นวิธีที่ง่าย ประหยัด ไม่ต้องลงทุนสูง แต่การตรวจจับและซ่อมแซมท่อที่รั่วยังช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก ยกตัวอย่างค่าใช้จ่ายจากรอยรั่วของระบบที่ทำงาน 8,760 ชั่วโมงต่อปี ความดันระบบ 100 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi) ค่าไฟฟ้า 0.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง รูรั่วขนาด 1/16 นิ้ว จำนวน 10 รู ทำให้เกิดค่าใช้จ่าย 10,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนรูรั่วขนาด 1/8 นิ้ว จำนวน 10 รู ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 41,900 ดอลลาร์สหรัฐ และในความเป็นจริงแล้ว มักพบรอยรั่วหลายร้อยรูในขนาดที่แตกต่างกัน รวมถึงขนาดใหญ่กว่า 1/8 นิ้วอีกด้วย

การตรวจจับและซ่อมแซมท่อรั่วของระบบอากาศอัดนั้น ใช้เงินเพียงไม่กี่พันดอลลลาร์ในการซื้อเครื่องมือวัดและอะไหล่ต่างๆ เช่น ปะเก็น สายยาง ข้อต่อ และทำการซ่อมแซม โดยช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทันที บริษัทต่างๆมักจะจ้าง third party เข้ามาตรวจสอบรอยรั่ว ซึ่งจะมีการติดแท็กจุดที่พบรอยรั่ว และหลายครั้งมักพบว่า แท็กยังคงอยู่เหมือนเดิมแม้เวลาผ่านไป แสดงให้เห็นว่าไม่มีการแก้ไขใดๆ และยังคงมีการสูญเสียพลังงานไปเรื่อยๆ

ทุกวินาที เงินจะสูญหายไปเฉยๆ ถ้ารอยรั่วของอากาศอัดไม่ได้รับการซ่อมแซม

ป้องกันการหยุดชะงักของการผลิต
นอกเหนือจากประโยชน์ทางด้านการเงินแล้ว ยังมีอีกเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่าในการบำรุงรักษาระบบอากาศให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อากาศที่มีความเสถียรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินเครื่องจักรภายในโรงงาน ผลผลิตต้องการอัตราการไหลและแรงดันที่เหมาะสม ซึ่งรอยรั่วส่งผลต่อการสูญเสียแรงดัน แรงดันที่ไม่เพียงพออาจทำให้เครื่องจักรหยุดทำงาน และส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่ผิดพลาดหรืออากาศที่มีเนื้อสัมผัส/รสชาติไม่สม่ำเสมอ อาจนำไปสู่การเรียกคืนสินค้าซึ่งสิ้นเปลือง นอกจากนี้หากการวินิจฉัยแรงดันตกผิดพลาด เป็นความผิดพลาดจากอุปกรณ์ อาจต้องลงทุนในอุปกรณ์ใหม่ สิ่งเหล่านี้เป็นการลงทุนเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็น ซึ่งเงินเหล่านี้น่าจะถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ ดังนั้นการปรับแต่งระบบอากาศอัดไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่ยังสร้างพื้นฐานสำหรับกระบวนการผลิตที่เชื่อถือได้และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ขั้นตอนการตรวจจับรอยรั่ว การตรวจจับรอยรั่วของท่อไฮดรอลิคที่ใช้สำหรับการส่งของเหลวไปยังอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกนั้นง่าย – เพียงแค่สังเกตแอ่งน้ำมันบนพื้นที่ขยายใหญ่ขึ้น แต่รอยรั่วของอากาศอัดนั้นต่างกัน เนื่องจากเป็น “แค่ลม” ทำให้หลายคนมองข้าม ปล่อยไว้โดยคิดว่าจะซ่อมทีหลัง สุดท้ายกลายเป็นการปล่อยปละละเลย ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนและการดำเนินงาน
มีวิธีการตรวจจับรอยรั่วของระบบอัดอากาศหลายแบบ ทั้งง่ายและรวดเร็ว ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงสุด ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวิธีการตรวจจับรั่ว:
  • Ultrasonic leak detection วิธีการตรวจจับรอยรั่วที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ การตรวจจับด้วยคลื่นความถี่สูง (Ultrasonic leak detection) เครื่องมือตรวจจับคลื่นความถี่สูงเหล่านี้สามารถรับคลื่นเสียงความถี่สูงที่เกิดจากรอยรั่วของอากาศอัด และแปลงสัญญาณเหล่านั้นให้กลายเป็นเสียงที่มนุษย์ได้ยิน ซึ่งจะช่วยให้ทีมซ่อมบำรุงสามารถระบุตำแหน่ง ทำเครื่องหมาย และซ่อมแซมต้นตอของรอยรั่วได้อย่างแม่นยำ
  • Compressor monitoring อีกวิธีที่นิยมใช้ควบคู่กับการตรวจจับด้วยคลื่นความถี่สูงคือ การติดตามประสิทธิภาพของคอมเพรสเซอร์ โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานของคอมเพรสเซอร์ในขณะนั้นกับประสิทธิภาพตามมาตรฐาน การที่ประสิทธิภาพการทำงานของคอมเพรสเซอร์ลดลง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงรอยรั่วภายในระบบ
  • Venting test การทดสอบการระบายอากาศโดยวัดระยะเวลาที่ระบบอากาศอัดใช้ในการลดแรงดันลงตามที่กำหนด หากทำเป็นประจำ จะช่วยให้มองเห็นแนวโน้มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบได้
  • Trend analysis การวิเคราะห์แนวโน้ม เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบหารอยรั่วของระบบอากาศอัด โดยอาศัยข้อมูลจาก flow meter และระบบ monitoring ที่คอยเก็บข้อมูลการไหลของอากาศอัดตลอดเวลา เมื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์แนวโน้ว จะสามารถระบุพื้นที่ภายในโรงงานที่มีการเปลี่ยนแปลงการไหลของอากาศอัดอย่างผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากรอยรั่วที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน จากนั้นจึงนำเครื่องมือตรวจสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ไปตรวจสอบบริเวณที่อาจเกิดรอยรั่วเพื่อยืนยันการรั่วไหล
  • Downtime consumption แม้ว่าโรงงานหลายแห่งจะหยุดการผลิตในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เครื่องอัดอากาศยังคงทำงานอยู่ การวัดปริมาณไฟฟ้าที่เครื่องอัดอากาศใช้ เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่ดีเยี่ยมในการประเมินขนาดของรอยรั่วภายในโรงงาน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีการใช้อากาศอัดในกระบวนการผลิต การทำงานจองเครื่องอัดอากาศจึงไม่จำเป็นต้องชดเชยปริมาณลมที่สูญเสียไปจากการใช้งาน ยิ่งเครื่องอัดอากาศทำงานกินไฟมาก ยิ่งบ่งชี้ว่ามีรอยรั่วขนาดใหญ่ภายในระบบ

รอยรั่วในระบบอากาศอัดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกจุด โดยมักพบตามจุดเชื่อมต่อ และท่อลมเก่า ข้อต่อ ไส้กรอง วาล์วควบคุมแรงดัน และเครื่องหยดน้ำมัน ที่ติดตั้งไม่ถูกต้องหรือมีการสึกกร่อย นอกจากนี้ยังเกิดการรั่วได้ตามสายการผลิต บริเวณวาล์วควบคุมและวาล์วปิด หน้าแปลน ปะเก็นก้านสูบ และซีลเกลียวท่อ

การลดแรงดัน

หลังจากแก้ไขรอยรั่วแล้ว สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์และปรับปรุงระบบอัดอากาศอย่างตรงจุด ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบตรวจสอบประสิทธิภาพแบบต่อเนื่อง ช่วยวัดและติดตามการใช้อากาศอัด ณ ปัจจุบัน รวมถึงแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัท VPInstruments ได้พัฒนาระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์ VPVision ซึ่งทำงานร่วมกับเครื่องวัดอัตราการไหล ปริมาณ และอุณหภูมิของอากาศอัด VPFlowScope ช่วยให้ผู้ใช้งานมีข้อมูลเพื่อปรับแต่งระบบอากาศอัดให้คุ้มค่าที่สุด
ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลายครั้งผู้ใช้งานมักตั้งค่าแรงดันการทำงานไว้สูงเกินความจำเป็น ตัวอย่างเช่น 7 บาร์ แต่แรงดันที่สูงนั้น จำเป็นต่อการใช้งานหรือไม่ เราสามารถลดแรงดันลงทีละน้อยพร้อมทั้งติดตามระบบและประสิทธิภาพของเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง 

เพื่อให้แน่ใจว่ายังทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยการลดแรงดันทุกๆ 14.5 PSI มักช่วยลดต้นทุนพลังงานลง 7% โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
บริษัท เอ็นเทค เอสไอ จำกัด ได้รับความไว้วางใจจาก VP Instruments แบรนด์ชั้นนำจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เราให้บริการครบวงจร One stop service ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา ประเมินหน้างาน รวมถึงให้บริการหลังการขาย

หากคุณกำลังมองหาระบบตรวจวัดคุณภาพระบบอัดอากาศ (Compressed Air System) ที่มีประสิทธิภาพและช่วยลดต้นทุนในการผลิต ติดต่อเราวันนี้เพื่อขอคำปรึกษาฟรี!

สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อ : คุณปทิตตา โทร. 088-924-9644 หรือ 092-258-1144 หรือ Line ID : @entechsi

Social Share